เพื่อนน้ำตาไหล นางฟ้าซาลอน ถือพานขอขมาพ่อแม่ เพราะอาจไม่มีโอกาส

เป็นคนดีที่สังคมยังต้องการสำหรับ กอล์ฟ ฤชวีพัฒน์ จิราวัฒน์มงคล หรือ นางฟ้าซาลอน ช่างตัดผมใจบุญที่ตะลอนให้คนชราหรือผู้ยากไร้ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวมีอาการป่วยปอดอักเสบและติดเชื้อ จนต้องประกาศเซ้งร้านทำผมเพื่อนำเงินที่ได้มารักษาตัว ล่าสุดเจ้าตัวได้โพสต์ภาพถือพานขอขมาพ่อแม่บนเตียงคนไข้พร้อมข้อความว่า

พรของพ่อแม่ เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล ในช่วง เดือนธันวาคมปี 2562 ถึง มกราคม และต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงวิกฤติในชีวิตของฉันเลยทีเดียว ฉันป่วยด้วยโรคปอดอักเสบติดเชื้อ ร่างกายผ่ายผอม จนไม่มีแรงเดิน ไม่มีแรงหายใจ สำหรับฉันเรื่องของความเจ็บไข้ได้ป่วยและจากไป นั้น ฉันเองไม่ได้กลัวเลยเพราะด้วยการทำจิตอาสาที่ผ่านมา ฉันคลุกคลีอยู่กับผู้ป่วยผู้พิการและได้พบเจอผู้จากไปมากมาย จนทำให้ฉันปลงในสังขาร และระลึกถึงมรณังนุสติอยู่เสมอ จึงเข้าใจในเรื่องการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา เพียงแต่ฉันรู้สึกเสียดายว่าหากฉันยังมีชีวิตอยู่ต่ออีกสักนิดคงจะมีโอกาสได้ช่วยผู้พิการที่รอฉันอยู่ได้อีก

การเจ็บป่วยในครั้งนี้ฉันไม่ได้บอกพ่อกับแม่ เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง ด้วยความที่ โรงพยาบาล ที่ฉันรักษาตัว อยู่ห่างจากบ้านฉัน เป็นร้อยกิโลเมตร ฉันจึงไม่อยากให้พ่อแม่ที่แก่ชราและร่างกายไม่แข็งแรงต้องลำบากเดินทางมา

ในทุกๆวันที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันจะได้รับข้อความจากญาติๆ ที่ส่งมาบอกว่า พ่อกับแม่ฉัน ทราบข่าวการป่วยของฉันแล้วและพวกท่านจะมาเยี่ยมฉัน แต่ฉันก็บอกญาติๆเหล่านั้นว่า ฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยว่าไม่ต้องมาเยี่ยมเดี๋ยวฉันก็หายแล้ว ถ้าหายจะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่เอง

ซึ่งในใจฉันคิดและทำใจอยู่เสมอว่า ฉันอาจต้องกลับบ้านด้วยร่างที่หมดลมหายใจแล้วแน่นอนเพราะป่วยหนักมาก และในที่สุดพ่อแม่และญาติๆของฉัน ก็มาที่โรงพยาบาลโดยมีเพื่อนสนิทของฉันพามา ทุกๆ คน ที่มาเยี่ยมฉันในวันนั้น พวกเขาเห็นสภาพฉัน แล้วน้ำตาไหล ส่วนพ่อของฉันแอบไปร้องไห้ หน้าห้องน้ำของโรงพยาบาล เพื่อนสนิทของฉันที่เวลาดีๆกันชอบกัดกัน ทะเลาะกัน ก็พูดเสียงสั่นคลอนน้ำตาคลอเบ้า ยิ่งทำให้ฉันรู้แล้วว่า เวลาของฉันคงเหลือน้อยเต็มที

ในวันนั้น เพื่อนของฉันได้เตรียมพานพร้อมพวงมาลัย 1 พวง มาให้ฉัน และบอกฉันว่า “กอล์ฟเอ๋ยมีอะไรที่ค้างคาใจก็พูดและขออโหสิกรรมกับพ่อแม่นะ ตอนนี้เรายังมีสติ” เมื่อเพื่อนสนิทพูดเสร็จ เพื่อนก็เดินไปน้ำตาไหลหน้าห้องน้ำ มีเพียงพ่อแม่ฉันที่ยืนร้องไห้อยู่ข้างเตียงของฉัน ฉันเองก็น้ำตาไหลออกมา แบบไม่รู้ตัว เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนั้น จะยังมีลมหายใจอีกหรือไม่ แต่ก็ได้พูดออกมาว่า “ที่ผ่านมาหากลูกทำอะไรไม่ดีทำให้พ่อแม่เสียใจก็ขอ อโหสิกรรมด้วยนะ “ ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหล ส่วน พ่อกับแม่ ก็บอกว่า ” พ่อกับแม่ อโหสิกรรมให้ ขอให้มึงหายป่วย ขอให้มึงมีสุขภาพที่แข็งแรง เพราะมีคนรอมึงไปช่วยอีกมากมาย”

 

แล้วพ่อกับแม่ก็รับพานดอกไม้ไป พ่อแม่ก็ลูบหัวฉัน โดยเฉพาะแม่ น้ำตาไหลไม่หยุดเลย แล้วเพื่อนๆและญาติๆ ฉัน ก็เดินเข้ามาที่เตียงแต่ละคนก็ร้องไห้ แม่อยากอยู่เฝ้าฉัน ที่โรงพยาบาล แต่ฉันเลยบอก แม่ว่า ที่นี่มีแพทย์พยาบาลคอยดูแลอยู่แล้ว ให้พ่อแม่ กลับบ้านเถอะ เมื่อพูดคุยกันสักพักพ่อแม่และญาติๆ ก็กลับบ้านไป ขณะนั้นในใจ ฉัน ตอนนั้น คิดแค่เพียงว่า จะผ่านคืนนี้ไปได้มั้ย? พรุ่งนี้จะมีจริงมั้ย? ฉันจะได้ลืมตาขึ้นมาอีกมั้ย?

ด้วยความอ่อนเพลียคืนนั้นฉันก็หลับไปโดยไม่รู้ตัวและรู้สึกตัวอีกในเช้าวันรุ่งขึ้นที่ พยาบาลมาปลุก ฉันลืมตาได้ ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจึงคิดว่าปาฏิหารย์มีอยู่จริง….คงเป็นเพราะฉันได้รับพรจากพ่อและแม่ และอาการของฉันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วกว่ากำหนด มาในวันนี้ ถึงแม้ฉันเองก็ยังร่างกายไม่แข็งแรง แต่ก็ยังถือว่า ยังมีลมหายใจ ยังเดินได้ ยังกินได้ ก็จะขอดูแลพ่อแม่ และทำความดีด้วยการช่วยเหลือผู้พิการไปเรื่อยๆ

 

ฉันจึงขอกราบขอบพระคุณพ่อแม่ ขอกราบขอบพระคุณคณะแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา ทุกๆท่าน ที่ได้ช่วยต่อชีวิตและลมหายใจของฉันไว้ ขอบคุณญาติสนิทมิตรสหายที่คอยมาเยี่ยมและให้กำลังใจฉันอยู่ไม่ขาด และที่ขาดไม่ได้เลย กราบขอบพระคุณผู้ใจบุญ ที่หยิบยื่นน้ำใจมอบทุนช่วยเหลือ นางฟ้าซาลอน ทุกๆ คน ทั้งที่ฉันรู้จักก็ดีและไม่รู้จักก็ดี

ขอบคุณแฟนเพจ แฟนคลับ ทุกๆท่าน ที่ส่งกำลังใจ ส่งความห่วงใยมาให้ไม่ขาดสาย ขอบคุณ ขอบคุณ จริงๆ ค่ะ นางฟ้าซาลอน ซึ่งขณะนี้ถึงแม้ร่างกายจะไม่ได้แข็งแรงเหมือนก่อน แต่ก็จะยังทำหน้าที่จิตอาสาต่อไป และก็ยังหวังว่า จะมีแรงกลับมา เปิดร้านตัดผม อีกครั้ง ขอกราบขอบพระคุณทุกๆท่าน อีกครั้งค่ะ

.

ขอบคุณข้อมูล นางฟ้าซาลอน