เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางเพจของ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้เผยภาพของบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติCV-19 เป็นภาพของ นาย นิมิตร ศาสตริน อายุ 67 ปี ผู้ป่วยโรคท้าวแสนปมแต่กำเนิด ไม่มีรายได้เนื่องจากผลกระทบจากCV ทำให้ต้องเข้าร่วมโครงการ “เราชนะ” เพื่อรับสิทธิ์เงินเยียวยาจากรัฐบาล แต่ปรากฎว่าติดปัญหาเรื่องการสแกนใบหน้า เนื่องจากใบหน้าผิดรูปไปมาก โดยเรื่องราวของคุณลุงนิมิตรได้นำมาเผยแพร่ผ่านเพจของบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เอาไว้ว่า
” เข้าโครงการไทยชนะ แต่ สแกนหน้าไม่ผ่าน “
สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมได้เข้าไปเยี่ยมลุง ตุ่ม
หรือ นาย นิมิตร ศาสตริน อายุ 67 ปี ลุงเป็นโรคเท้าแสนปมมาตั้งแต่กำเนิด ลุงตุ่มก็ใช้ชีวิตแบบนี้เรื่อยมา หาเช้ากินค่ำ รับจ้างทั่วไป ไม่มีครอบครัว พ่อแม่เสียหมดแล้ว อยู่ตัวคนเดียว อาศัยวัดปากน้ำภาษีเจริญนอนบ้างกินข้าวบ้างบางวันถ้าไม่มีเงิน เมื่อ3ปีที่แล้วก็ไปรับพวงกุญแจมาขาย ก็พอได้ค่าข้าวค่ายาบ้าง แต่มาเกิดCVลุงตุ่มก็ไม่ได้ขายอะไรเลย ร่างกายก็ไม่ไหว ตาก็มองไม่ค่อยเห็น น้องสาวของลุงเห็นแล้วก็สงสารจึงเอาลุงมาดูแลเพื่อจะได้มีข้าวกินมีที่นอนมีที่อาบน้ำ ดูแลกันมาเกือบ2 ปี น้องสาวมีอาชีพขายอาหารตามสั่ง เมื่อก่อนก็อยู่ได้แต่เดี๋ยวนี้แย่เพราะCV สามีก็ป่วยต้องฟอกไตวันเว้นวัน เมื่อก่อนสามีก็ขับแท๊กซี่ แต่ตอนนี้ไม่ไหว ทำให้น้องสาวลุงโพสขอความช่วยเหลือมาที่ผม เพราะคราวนี้ต้องดูแลคนป่วยถึงสองคน เงินก็ไม่มีอาศัยขายอาหารอย่างเดียวไม่ไหว พอมีโครงการไทยชนะ ก็ให้ลุงตุ่มไปเข้าโครงการ ทุกอย่างผ่านหมดแต่สแกนหน้าไม่ผ่าน เพราะหน้าผิดรูปไปมาก ไปสแกนมา2-3หนแล้ว ใครก็ได้ช่วยลุงตุ่มด้วยนะครับให้แกเถอะแกลำบากจริงๆ ลุงตุ่มมีเงินเดือนล่ะ1,400บาท เงินคนชรา600บาท เงินคนพิการ 800บาท ตอนนี้น้องสาวลุงเองก็ไม่มีเพราะสามีต้องฟอกวันเว้นวัน..
ด้วยความสงสารและเข้าใจชีวิตของทุกชีวิตที่ต้องดิ้นรนหนีความยากลำบากและความอดอยาก ผมได้มอบเงินช่วยเหลือลุง 20,000 บาท เพื่อเป็นกำลังใจให้ลุงได้ต่อสู้กับชีวิตต่อไป
ถ้าเพื่อนๆต้องการช่วยเหลือลุงก็โอนเข้า บัญชี ลุงได้เลยครับ มีน้องสาวดูแลอยู่ครับ “
ทั้งนี้ คุณบิณฑ์ยังได้วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือคุณลุง และได้ให้เลขที่บัญชีของคุณลุงเอาไว้สำหรับใครที่อยากจะบริจาคเงินให้คุณลุง
ขอบคุณข้อมูลจาก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์