เกิดเป็นผู้หญิงต้องระมัดระวังตัวให้มากๆ ยิ่งในยุคสมัยนี้ที่เราคาดไม่ถึงอยู่รอบตัวเรา ล่าสุดผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาเตือนภัย เหตุการณืที่เธอถูกคนร้ายบุกมาทำร้ายถึงห้องพัก แถมทางรีสอร์ตยังปัดความรับผิดชอบ โดยโพสต์เล่าว่า #เตือนภัยสังคมนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า เราได้เดินทางไปงานแต่งงานพี่สาวเราที่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เราได้เข้าพักที่ รีสอร์ท 2 คืน เป็นรีสอร์ทที่ค่อนข้างใหญ่ เราเปิดห้อง ทั้งหมด 11ห้อง ในที่พักแห่งนี้ 2/8/2019 หนึ่งในห้องที่เป็นห้องเกิดเหตุซึ่งเป็นห้องที่เป็นเตียงเดียว ห้องที่11 คืนแรกเรานอนกับพี่สาวเราที่เป็นเจ้าสาวแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น. แต่คืนที่2 เป็นวันที่3/8/2019 เราเสร็จจากงานแต่งที่บ้านเราก็กลับมาที่พัก แต่คืนนี้เรานอนคนเดียว เนื่องจากพี่เราต้องไปเครียร์ของต่อ พี่เราจึงเก็บเสื้อผ้าออกจากห้องที่เราพัก แล้วบอกว่าให้เราล็อกห้องดีๆ. แต่พี่สาวและพี่เขย ได้เห็นผู้ชาย เป็นวัยรุ่น นั่งอยู่ห้อง12 ซึ่งเป็นห้องข้างๆเรา แต่ก็ไม่ได้นึกอะไร. จนถึงเวลาประมาณตี1.30นาที. เราก็ตื่นเห็นผู้ชาย อายุประมาณ16-17 ปี ผิวดำ ตัวผอม นั่งตรงปลายเท้าเรา. เราตกใจเลยถามว่าใคร มันตอบว่ามันชื่อปอนด์ แล้วมันก็ค่อมเราแล้วต่อยเราเข้าที่บริเวณ ใบหน้า จนเราเลือดกำเดาไหล เพื่อจะให้เราหมดสติ และเราก็ร้องขอความช่วยเหลือ มันขึ้นค่อมและใช้หมอนจะกดที่ใบหน้าเรา แต่เราก็ต่อสู้ป้องกันตัว จนเราก็ลุกขึ้นมาบีบคอมันและมันก็บีบคอเรา. และมันก็ดื้นหลุดและหนีออกทางด้านระเบียบรีสอร์ต.
เราตรวจเช็คของหายคือรองเท้าแตะ Nike และ เงินสด 1000 บาท เราวิ่งไปหาแฟนและน้องชายเราซึ่งนอนอยู่ห้องตรงข้ามเรา และโทรหาพี่สาวเราที่อยู่ห้องบริเวณใกล้ๆกันเราก็เดินไปที่เคาเตอร์เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดกับสอบถามประวัติคนเข้าพัก แต่คนดูแลมีอาการบ่ายเบี่ยง คนที่ดูแลเคาเตอร์พูดว่า “และจะให้ผมทำงัย” จนพี่สาวกับเราโวยวายบอกให้โทรเรียกเจ้าของจึงยอมไปตามเจ้าของมา แล้วเราก็ไปแจ้งความที่โรงพักและตรวจร่างกาย. พอเรากับมาถึงรีสอร์ต คนที่บอกว่าเป็นลูกเขยของเจ้าของก็บอกว่ากล้องวงจรปิดรีสอร์ตใช้ไม่ได้ทั้งหมด และก็ไม่มีหลักฐานของคนที่มาเข้าอยู่ ช่วงประมาณ 8โมงเช้า รีสอร์ตได้ให้ทนายโทรมาคุยแล้วก็พูดกับพี่สาวเราว่าต้องการค่าเสียหายเท่าไร พี่สาวเราตอบไปว่าเราต้องการความรับผิดชอบไม่ใช่มาพูดแบบนี้ ลุงของเราก็ได้ไปคุยกับคนที่บอกว่าเป็นลูกเขยของเจ้าของตอนแรกบอกว่าจะให้4000 บาทแต่ทางบ้านเราไม่ยอม เลยโทรไปหาเจ้าของรีสอร์ตเพื่อไกล่เกลี่ยแต่เจ้าของบอกว่าจะให้เงิน10,000บาทให้บอกว่าช่วยๆกัน เรารู้สึกไม่โอเคอย่างมาก ทางเจ้าของบอกว่าจะขอติดต่อกับตำรวจก่อนแล้วก็หายไปเลย พอวันจันทร์เราได้คุยกับตำรวจ ตำรวจบอกว่าเจอรองเท้าของเราอยู่หลังห้อง 4/4 ซึ่งเป็นห้องที่อยู่อีกฝั่ง จนถึงตอนนี้ยังจับคนร้ายไม่ได้เนื่องจากต้องรอพิสูจน์ลายนิ้วมือ ซึ่งตำรวจบอกว่าอาจจะใช้เวลาเกือบเดือน และรีสอร์ตก็ไม่มีการติดต่อแสดงความรับผิดชอบเลย”
เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยเเพร่ออกไปในโลกโซเชียลกลายเป็นกระเเสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนาๆ
#1
#2
#3
#4
#5
#6
#7
#8
#9
#10
ขอบคุณข้อมูล ที่นี่
เรียบเรียงโดย news.kaazip