ม้า อรนภา เสียใจหลังออกจากวงการ เจ็บปวดถูกบูลลี่ มีคนเรียกลุง

ชีวิตหลังไม่ได้ทำรายการ ม้า อรนภา เผยโดนบูลลี่จนแทบหมดกำลังใจ ม้า อรนภา ออกมาเปิดเผยชีวิตในช่วงเวลานี้ หลังจากการถูกปลดออกจากรายการ โดยได้ให้สัมภาษณ์กับทางรายการถามสุดซอย Weekend ทางช่องเนชั่นที่ดำเนินรายการด้วยพิธีกรหนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์

ก่อนหน้านี้ม้าอรนภากฤษฎีต้องเจอกับดราม่าเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องต่างๆ ด้วยคำพูดที่ตรงไปตรงมามากเกินไป จึงทำให้เกิดปัญหาเรื่องทัวร์ลงบนโลกออนไลน์และโซเชียลทั้งของตัวเองและของช่องที่ทำรายการอยู่อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกลายเป็นสาเหตุทำให้ม้าอรนภาต้องหลุดออกจากผังรายการ

ซึ่งทางรายการถามสุดซอย Weekend ได้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกในช่วงเวลานั้น ม้า อรนภา ได้ตอบว่ารู้สึกเสียใจเพราะเป็นคนที่มักจะต้องทำงานทุกวันมาโดยตลอด ไม่เคยหยุดนิ่ง ได้เจอเพื่อน ได้เดินแบบ ได้เล่นละคร และอยู่ในวงการบันเทิงมายาวนาน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น

พร้อมทั้งเผยว่าปัจจุบันไม่ได้เล่นโซเชียลใดๆ เลย และหันหน้าเข้าปฏิบัติธรรมเพื่อทำให้จิตใจมีความสงบและเข้าใจต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในทุกๆ วันนี้มากขึ้น ยอมรับว่าการโดน Bully ด้วยคำหยาบคาย การใช้เพศสภาพมาพูดล้อเล่น รวมไปถึงการใช้คำพูดต่าง ๆ ของคนในโซเชียลทำร้ายจิตใจพอสมควร

พร้อมยกตัวอย่างว่าก่อนหน้านี้เคยวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเล่นสงกรานต์บนรถกระบะ แต่ใช้คำที่ค่อนข้างตรงและแรงเกินไป จึงทำให้โดนทัวร์ลงในโซเชี่ยลของตัวเองนานถึง 4 วัน แม้ไปเที่ยวที่โปรตุเกสและตุรกีก็ยังโดนทัวร์ลงอยู่ดี ยอมรับว่าเป็นคนที่ใช้คำพูดตรงและแรงเกินไป จึงอาจจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกไม่พึงพอใจ

ส่วนการโดน bully และเรียกว่าลุงพรชัยถือว่าเป็นการด่าที่ไม่เหมาะสมและเป็นการถูก Bully อย่างรุนแรง แม้จะไม่ได้โดนตบหรือโดนทำร้ายร่างกาย แต่มองว่าคนที่เรียกร้องสิทธิมนุษยชนบางคนกลับเป็นคนทำซะเอง ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัวของใคร

ยอมรับว่าในช่วงแรกรู้สึกช็อกและตกใจมาก แต่ยอมรับว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ว ยุคที่ตัวเองเคยอยู่มีผู้ใหญ่คอยสั่งสอนและมักจะห้ามปรามในเรื่องราวต่างๆ จึงทำให้เด็กๆ รู้สึกไม่กล้าพูด แต่ยุคนี้พ่อแม่ปล่อยอิสระให้ลูกได้แสดงออกอย่างเต็มที่

แต่อยากจะขอเตือนให้คนรุ่นใหม่ที่เรียกร้องสิทธิส่วนบุคคล สิทธิมนุษยชนทำอย่างถูกต้องและเหมาะสม ไม่ควรก้าวล่วงความคิดเห็นหรือความรู้สึกของคนอื่น นอกจากนี้ยังยอมรับว่าในช่วง 2 เดือนที่จะต้องหยุดงานนั้นถือว่าชีวิตลงดิ่งอย่างมาก รู้สึกเครียดพอสมควร

แต่ยังโชคดีที่มีคุณแม่คอยให้กำลังใจและที่ผ่านมาได้ช่วยทางคุณยายทำห่อหมกขาย พร้อมการเปิดเพจเพื่อขายห่อหมกให้กับคุณยายโดยเฉพาะ

ยอมรับว่าช่วงที่เปิดเพจขายห่อหมกให้คุณแม่และคุณยายก็โดนทัวร์ไปลงที่เพจนั้น แต่กลับกลายเป็นมีคนเข้ามาสนับสนุนเพจมากขึ้น เพราะคิดว่าน่าจะเห็นใจตัวเองจากเรื่องที่เกิดขึ้นและคิดว่าการที่ทัวร์ไปลงในเพจขายห่อหมกและการโทรศัพท์คุกคามไปที่บ้านคุณยาย

น่าจะเป็นเพราะสาเหตุจากตัวเองและในช่วงเวลานี้ยอมรับว่าจะไม่ตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น รู้สึกเหนื่อยและเข้าใจว่าทำไปคงไม่มีประโยชน์ จึงหันมาปฏิบัติธรรมอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นและคิดว่าต่อจากนี้ไปคงน่าจะวางมือจากหลายๆ เรื่องและเกษียณอายุตัวเอง พร้อมหันกลับมาทำเรื่องที่ถนัดอย่างเช่นเครื่องสำอางและสกินแคร์ โดยจะขายเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา

ทั้งยังเผยเรื่องความรักว่าตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะอายุมากจนถึงปูนนี้แล้ว คิดว่าเป็นกัลยาณมิตรต่อกันดีที่สุด ถ้าได้กลับมาทำงานและลงภาพภายในโซเชียลส่วนตัวทาง IG และ Facebook ยอมรับว่าในรู้สึกกลัว แต่เพื่อนและผู้คนรอบข้างต่างก็บอกว่าให้ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ต้องไปสนใจ

จากนั้นจึงลองลงรูปตามปกติดู ซึ่งปรากฏว่าเรื่องก่อนหน้านี้ที่มีการ Bully และเข้ามาด่าทอมีน้อยลงมากจนแทบไม่มีเลย จึงคิดว่าถ้าได้กลับไปทำงานอีกครั้งจริงแล้วจะต้องโดนบูลลี่อีกก็คงไม่รู้สึกอะไรและจะไม่ตอบโต้เด็ดขาด พร้อมทิ้งท้ายฝากให้แฟนๆ ได้ติดตามผลงานกับสินค้าที่กำลังจะออกขาย พร้อมฝากบอกถึงคนที่ Bully ตนเองว่าทำอะไรควรมีขอบเขตและรู้จักความเป็นสิทธิมนุษยชนบ้าง

@kaazipบันเทิง
@ถามสุดซอย
@maornapa