ทราย เจริญปุระ ระบายความในใจ หลังได้ดูภาพยนตร์ฮาวทูทิ้ง

เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงสาวที่มีแง่คิดดีๆมาฝากให้แฟนๆได้ติดตามกันอยู่เสมอสำหรับ ทรายเจริญปุระนักแสดงสาวมากความสามารถ ต้องบอกเลยว่าเธอคนนี้เป็นผู้หญิงที่หัวใจแกร่งปี 1 คนเลยก็ว่าได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอต้องดูแลคุณแม่ที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม แถมตัวเองก็ต้องต่อสู้กับโรคซึมเศร้า ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง

ล่าสุดเธอได้ระบายความรู้สึกหลังได้รับชมภาพยนตร์เรื่อง How to ทิ้ง โดยโพสต์ข้อความผ่าน facebook ว่าฉันดูแล้วโกรธ โกรธที่ฉันเองคือข้าวของในถุงดำ ไม่ใช่แค่ถูกทิ้ง แต่ยังถูกซุกไว้ในมุมลึกที่สุดของถุงดำมืด ปิดบังมิดชิดเหมือนไม่เคยมีเราอยู่ในนั้นทิ้งฉัน แล้วให้ฉันเดินทางผ่านเส้นทางของขยะมีชีวิตด้วยตัวเองลำพัง ดิ้นรนบ้าง ละเลยบ้าง เมามาย ร้องไห้ ใช้น้ำตาหัวใจร่างกายเปลืองเปล่า แล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมหัวใจและร่างกายที่ไม่เคยเต็ม เป็นหนังที่ดูแล้วเกรี้ยวโกรธ แต่เป็นความโกรธที่มาจากความเศร้า เพราะโดนสิ่งที่หลบหนีมาครึ่งชีวิตเผยตัวให้เห็นต่อหน้า จงรับรู้, ว่าเขาก็แค่ทิ้งถ้าไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับตัวเองเขาก็ไม่มีวันกลับมา คนที่ทิ้งก็คือทิ้งแล้วเดินผ่านไปจะมีใครสักกี่คนบนโลกนี้ที่หันมามองถังขยะ ในช่วงท้ายของชีวิตพ่อและแม่ ทั้งสองคนได้ทอดทิ้งความทรงจำไปนานแล้ว วิธีสื่อสารสูญหายตกหล่น จุดหมายปลายทางเหลือแค่วันที่จะหยุดหายใจ น่าเศร้าที่ความทรงจำท้ายๆถึงสิ่งที่แม่สื่อสารกับฉันคือมะม่วง และเป็นมะม่วงที่จริงๆหมายถึงฝรั่ง”

คนเราต้องทิ้ง ไม่งั้นข้าวของขยะทรงจำจะเบียดบังตัวตนเราไปเรื่อยๆจนเลือนจาง ร่างกายและความจำอัดแน่นไปด้วยอดีตที่ผ่านเลยไม่หวนคืน ตัวตนในปัจจุบันเพียงอาศัยในโลกแค่วันต่อวัน ไร้จุดหมาย ไม่มีฝัน ไม่มีอะไรให้รอ แค่มีหน้าที่ต้องอยู่ต่อตามคำสาปของชีวิต ที่พร้อมจะโยนอะไรเข้ามาให้เรารับมืออีกและอีก ฉันนั่งมองกล่องของและถุงผ้าที่ซุกอยู่ใต้เตียง ไม่มีอะไรอยู่ในถุงดำ ชีวิตคนที่เคยผ่านการซุกไว้แบบนั้นเข้าใจดีว่ามันเจ็บปวด และความทรงจำล้ำค่าที่แม้จะไม่เหลืออยู่ในหัวใจของอีกฝ่ายแล้ว ก็ไม่สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น ฉันจำข้าวของในนั้นได้โดยไม่ต้องเห็นมันจริงๆด้วยซ้ำ โคมไฟทรงกลมดวงเล็ก ที่ฉันซื้อมาตั้งบนหัวเตียงฝั่งฉัน เพื่อให้ฉันได้อ่านหนังสือเงียบๆโดยแสงไฟจะไม่ไปรบกวนตาเธอ โคมไฟน้อยๆที่เมื่อความง่วงมาเยือน ฉันเพียงเอื้อมมือกดปิดสวิตช์ ให้ความมืดห่มคลุม นำเราเข้าสู่นิทราราตรีไปพร้อมๆกันทุกวันนี้ไม่มีโคมไฟ ไม่มีเตียงฝั่งของใครมีแต่ความจริงเจิดจ้า ว่าเขาไม่ต้องการฉันแล้ว และเป็นฉันเองที่ต้องเก็บโคมไฟนั้นกลับมาซ่อนซุกอยู่ใต้เตียง อับแสงไปตลอดกาล

เวลาไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น ถ้าสิ่งสุดท้ายที่แม่สื่อสารกับฉันคือฝรั่งที่เรียกว่ามะม่วง สิ่งสุดท้ายที่พ่อสื่อสารกับฉันก็โหดร้ายกว่านั้น วันเวลาของคนป่วยไม่ได้เป็นเส้นตรงไปข้างหน้า แต่หมุนเป็นวงกลมเบี้ยวๆ ย้อนไปใกล้บ้างไกลบ้าง บางวันพ่อก็จำฉันไม่ได้ พ่อแน่ใจว่ามีลูกชื่อเดียวกับฉัน แต่เด็กคนนั้นยังไม่โตเท่านี้ และในบางวันที่พ่อยอมรับว่าฉันโตแล้ว สิ่งทรงจำของพ่อก็คือชื่อของชายที่ฉันเคยพาเข้ามาสวัสดี มากินข้าวที่บ้าน ผู้ชายที่เคยยืนจับมือกันริมทะเล บันทึกภาพเราแตกพร่าด้วยกล้องโทรศัพท์รุ่นแรก พ่อจะถามแบบหยั่งๆเหมือนไม่แน่ใจก่อน ว่าพี่เค้าอยู่ไหน ก่อนจะออกเสียงชื่อชัดเจนในประโยคต่อมาที่จะถามสารทุกข์สุขดิบ เขาเป็นยังไงบ้าง เขามาเจอพ่อหรือเปล่า เขาเห็นพ่อแล้วรู้สึกอึดอัดหรือเปล่า พ่อขอโทษนะ พ่อคะ, เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณพ่อป่วย หรือถึงรู้ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ทรายไม่ใช่ใครคนนั้นของเขาแล้ว เมื่อบอกว่าไม่ใช่ก็จากกันไปแค่นั้น ใครจะเป็นตายร้ายดียังไงเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง เขาผ่านแล้ว เขารอดแล้ว เหลือแต่ลูกสาวของพ่อที่ต้องต่อสู้กับความทรงจำ ทั้งทรงจำเกี่ยวกับเขา ทั้งทรงจำของพ่อที่ไม่มีลูกสาวปัจจุบันอยู่ในนั้น มีแต่คนที่ฉันเคยเป็นในอดีต

และทั้งที่ถูกทอดทิ้งจากความทรงจำอยู่เสมอ ฉันกลับต้องมาเป็นคนจัดการกับอะไรๆที่เป็นเศษซากเหลือมาจากชีวิตผู้อื่น รู้ดีว่าไม่เข้มแข็งพอจะจัดการกับมันเองได้ ฉันก็จ้างคนมาจัดการ เขาหยุดยืนมองข้าวของแล้วถามกลับ”คุณให้เอาไปหมดเลยเหรอครับ” -ใช่- อะไรที่อยู่นอกเขตที่ฉันขีดไว้ เอาไปได้เลย ถ้ามันยังซ่อนอยู่แบบนั้น ก็หมายความว่าฉันไม่เคยต้องการมัน เพราะมันไม่ได้ถูกนำกลับมาใช้และถ้าไม่เคยนำมาใช้ ก็ไม่มีอะไรสำคัญห้องสะอาดโล่งอย่างที่ฉันตั้งใจ ทิ้งไป จบกันฉันจะได้ใช้ชีวิตต่อ แต่อดีตย่อมตามหาเราจนเจอเสมอ เพื่อนฉันไปพบกองข้าวของที่มีรูปต่างๆจากครอบครัวฉันกองขายปะปนอยู่กับหนังสือและเอกสารเก่าๆในตลาดมือสอง ส่งมาถามว่าฉันยังต้องการไหม คำตอบแรกในใจคือ-ไม่- ฉันไม่ต้องการ  แต่น่าจะเพราะมารยาท หรือสิ่งที่เรียกไม่ถูกว่าคืออะไร แต่มันคงดูแย่ถ้าฉันไม่สนใจอดีต ทิ้งขว้างมันไปขนาดนั้นและจนมันพยายามหาทางกลับมาเจอฉัน ก็ยังจะโดนปฏิเสธ ส่งมาก็แล้วกัน เดี๋ยวจัดการค่าส่งให้ แล้วมันก็กลับมา เหมือนไม่เคยจากไปไหนเลย ซึ่งจะว่าไปแล้วเราก็ไม่เคยทิ้งอะไรได้จริงๆ

รูปอาจหายไป ฉีกขาด ถูกเผาทำลาย แต่มันยังคงตั้งแสดงอยู่เสมอ ในโถงแห่งความทรงจำของเรา ห้องแสดงภาพที่ถูกละเลยจากชีวิตอื่น รกไปด้วยความรักที่ไม่ได้รับการตอบสนอง ภาพเดี่ยวๆของผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งจากความทรงจำของทุกคน ทั้งพ่อ แม่ และผู้ชายที่เธอเคยรัก #ฮาวทูทิ้ง
.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ขอบคุณข้อมูล Facebook :Inthira Charoenpura