สาวโพสต์ใบหย่าสามี จูงมือลูกออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพัง

การแต่งงานไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่าชีวิตคู่ของใครคนนั้นจะประสบความสำเร็จเสมอไป เพราะในแต่ละครอบครัวแต่ละคู่มีวิถีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป บางคู่อาจจะปรับจูนเข้ากันได้ หรือ บางคู่อาจจะจูนกันไม่ติด หรืออีกคนปรับส่วนอีกคนไม่ปรับมันก็ทำให้ชีวิตคู่ไปไม่รอดเหมือนกัน เช่นเดียวกับเรื่องราวของสาวรายหนึ่งที่ออกมาโพสต์แง่คิดชีวิตคู่ผ่าน facebook หลังตัดสินใจหย่ากับสามีและมาใช้ชีวิตเพียงลำพังกับลูกสองคน

ระบุว่า “ช่วงหลายปีที่ผ่านมาฉันกำลังเดินอยู่บนถนนเล็กๆ ที่สองข้างทางเป็นเหว ฉันเดินตามคนๆนึงด้วยความซื่อสัตย์อย่างไม่มีข้อแม้ ตลอดทางฉันเห็นแต่แผ่นหลังของเค้า ฉันก็ตามไปอย่างเชื่อใจ เขาก็หันมามองฉันเป็นพักๆ ฉันเองที่เป็นคนตัดสินใจมาเลือกมาเดินตามเขา ฉันจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ ระหว่างทาง ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ได้โรยเศษแก้วทิ้งไว้บนพื้น ขณะที่เดินตาม ฉันไม่เคยระวังตัวใดๆ เพราะตามองอยู่แต่ที่หลังของเค้าด้วยความไว้ใจ”

“ฉันรู้สึกเจ็บที่เท้าแล้วแต่ฉันก็ยังเดินตามต่อการขอโทษและการให้อภัยเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เค้าก็ยังทำอีกจนในที่สุด พื้นที่เราเดินก็เต็มไปด้วยเศษแก้วชิ้นเล็กๆมากมายที่คอยทิ่มตำเท้าฉันอยู่ตลอดทุกก้าว ที่เดินแน่นอนว่ามันก็มีบางช่วงที่เป็นพื้นดินธรรมดา บางช่วงที่เป็นพื้นหญ้านุ่มๆบ้างแต่เดินไปไม่นานก็กลับไปเจอเศษแก้วอีกที่ตลกคือ ฉันก็ยังคงทนเดินต่อไปเรื่อยๆ เพราะคิดเสียดายที่อุส่าต์เดินตามมาตั้งนานแล้วและด้วยความหวังจากเสียงพูดของเค้า ที่ตะโกนมาเรื่อยๆว่าเค้าจะหยุดการกระทำแบบนี้แล้วนะ ความเจ็บปวดมันเพิ่มขึ้นมาอีก เมื่อมีเด็กคนนึงเกิดขึ้นมาจากที่เดินด้วยน้ำหนักเราคนเดียวกลายเป็นต้องเดิน โดยอุ้มเด็กคนนี้ไว้ที่แขนเพื่อไม่ให้เค้าโดนเศษแก้วไปด้วย เด็กโตขึ้นทุกวัน น้ำหนักก็มากขึ้นทุกวันตามไปด้วย8ปี..ในที่สุดเราก็เดินมาจนถึงทางแยก”

“ทางแยก2ทาง คือทางตรงทางเดิมที่แม้จะมีเศษแก้วปะปรายให้เห็น แต่ก็ยังคงมีแผ่นหลังที่คุ้นเคยกับรอยยิ้มจริงใจของเค้าที่เหมือนคอยให้ความหวังว่าเค้ากำลังจะเลิกโรยเศษแก้วแล้วหรือจะเลี้ยวออกไปอีกทาง ที่มันโคตรมืดและไม่รู้จะมีอะไรอยู่ข้างหน้าในใจคิดว่า ไม่ว่าจะเลือกทางไหนเราจะเอาเด็กคนนี้ไปด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะไม่ปล่อยเด็กแน่นอนที่ทางแยก…ฉันมองลงไปที่เท้าตัวเอง ตอนนี้มันดูไม่เหมือนเท้า อีกต่อไป มันเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน มันเจ็บ มันชา แล้วกลับมาเจ็บอีก วนไปเรื่อยๆวันนี้….ฉันตัดความเสียดาย8ปีที่ผ่านมาไว้ที่ตรงทางแยกนั้น แล้วเลือกเดินทางใหม่ ทางที่มันโครตจะมืดและไม่รู้จะเจอกับ อะไรอีก แต่อย่างน้อยที่สุดทางนี้ก็ไม่มีเศษแก้วอีกแล้ว”

“แน่นอนว่า เมื่อไม่มีเศษแก้ว ฉันจึงกล้าที่จะวางเด็กลงกับพื้นแล้วจับมือกันเดินแทนการอุ้ม ฉันรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด จากที่เป็นแต่ผู้ตามที่ซื่อสัตย์ ฉันรู้ทันทีว่าตอนนี้ฉันต้องมาเป็นผู้นำที่เข้มแข็งแทนในวินาทีนี้เลยเพราะฉันกำลังจะมีเด็กคนนึงเดินตามแผ่นหลังของฉัน ตอนนี้ฉันยังเดินต่อไม่ค่อยไหวเลย จากนี้ฉันอาจจะนั่งลงใช้เวลาในการรักษาแผลที่เท้าไปซักพักแต่ไม่นานหรอกฉันจะลุกขึ้นแล้วเดินต่อเดินไปไอ้ทางที่แม่งโคตรมืดนี่แหล่ะนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…ฉันยังอยู่ ฉันยังไม่ตาย ฉันจะไปต่อ ฉันจะไปได้โดยไม่ต้องเดินตามใครอีก และฉันไม่กลัวอะไรอีกแล้ว”

.

.

ขอบคุณข้อมูล ให้ความรู้